เพราะอะไร? การ Bullying จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเด็ก

เพราะอะไร? การ Bullying จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเด็ก

Bullying ในภาษาไทยแปลความหมายได้มากมาย เช่น การวิวาท หาเรื่อง ระราน ข่มเหง กดขี่ รังแก กลั่นแกล้ง…ในที่นี้ จะขอใช้คำว่า การข่มเหง รังแก เป็นหลัก…การข่มเหง หรือ การรังแก จะเกิดขึ้นกับคนที่อ่อนแอกว่า อายุน้อยกว่า…การข่มเหง หรือการรังแก มักจะเกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งอาจจะเป็นการใช้คำพูดรุนแรง ข่มขู่ให้เกิดความกลัว หรือทำให้อีกฝ่ายเกิดความอับอาย จนถึงขั้นการทำร้ายร่างกาย จากการศึกษาวิจัยโดยนักจิตวิทยาพบว่า การข่มเหง หรือการรังแก มักจะเกิดมากในเด็กที่อยู่ในวัย 11 - 13 ปี และจะน้อยลงเมื่อเด็กอายุมากขึ้น

  ซึ่งพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้นปกติจะเกิดในกลุ่มเด็กเล็ก แต่สำหรับเด็กโตอาจจะเป็นการทำให้อับอายด้วยการปล่อยข่าวลือออกไป เพื่อให้เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน โซเชียลมีเดียกำลังเป็นที่นิยมนั้น สามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็ว

เพราะอะไรถึงมีการข่มเหง หรือ การรังแก

สำหรับเด็กที่ชอบข่มเหง หรือรังแกคนอื่น คือการแสดงอำนาจ เพื่อควบคุมคนอื่น เพื่อต้องการให้คนยกย่อง แต่เรายังจะยังไม่พูดถึงว่าคนที่ชอบข่มเหง หรือรังแกคนอื่นมีพฤติกรรมอย่างนี้เพราะอะไร ขอพูดถึงคนที่ถูกข่มเหง หรือ ถูกรังแก กันก่อนถึงวิธีที่จะแก้ปัญหาการถูกข่มเหง หรือ ถูกรังแก อย่างไรดี

วิธีการป้องกัน การถูกข่มเหง หรือ การถูกรังแกที่ดีที่สุด คือสอนให้ได้มีทักษะ เกี่ยวกับสังคม การมีความรู้ และ เข้าใจสภาพของสังคมที่มีความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้เด็กมีความเชื่อมั่นในการอยู่กับสังคม และรู้ทันเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนอีกวิธีหนึ่งในการป้องการการถูกข่มเหงหรือรังแก ก็คือ การให้เดินหนีไป หรือ หลบหลีก ไปโดยไม่ตอบโต้กลับ

แล้วใครคือคนที่จะสอนเด็กให้สามารถจัดการกับ การถูกข่มเหง หรือ การถูกรังแกได้ดีที่สุด

คำตอบคือ พ่อและแม่ เพราะเป็นคนที่อยู่ใกล้ลูกมากที่สุดจึงเป็คนแรก ๆ ที่จะรู้ได้ก่อนว่าลูกถูกข่มเหง หรือถูกรังแกมาด้วยการสังเกตุพฤติกรรมลูก ว่ามีอาการอย่างไรเมื่อกลับจากโรงเรียน เช่น เงียบผิดปกติ ไม่พูดไม่จา การอ่านอากัปกิริยาของเด็ก และถามคำถามจากอากัปกิริยาที่เราสังเกตุเห็น รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่กับเด็ก  แต่บางครั้งลูกก็อาจจะไม่อยากให้พ่อแม่รับรู้เพราะกลัวพ่อแม่จะกังวล เดือดร้อน หรือในทางตรงกันข้ามถ้าเด็กไม่ได้เป็นที่รักของพ่อแม่ ก็อาจจะกลัวว่าจะถูกตำหนิมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

 

ขอขอบคุณบทความดีจาก อาจารย์ มโนรถ กุศลศักดิ์

 

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ Bullying แบบละเอียดกับ อ.มโนรถ กุศลศักดิ์ ได้ทาง  Youtube MatchHouse Channel